วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

เทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยีของการศึกษา

เทคโนโลยีทางการศึกษา
เทคโนโลยีการศึกษา เป็นศาสตร์ที่ประยุกต์ วิชาการต่างๆ มาจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โดยการนําคํา เทคโนโลยีซึ่งมีความหมายว่าเป็นศาสตร์แห่งวิธีการ ซึ่งไม่ได้มีความหมายว่าเป็นศาสตร์แห่งเครื่องมือเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงวัสดุและวิธีการ เมื่อนํามาใช้ กับ การศึกษาจึงเป็นคําใหม่ที่มีความหมายว่า การประยุกต์เครื่องมือ วัสดุและวิธีการไปส่งเสริม ประสิทธิภาพการเรียนรู้ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อการเรียนรู้ สื่อสารเป็น กระบวนการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารจากผู้ส่งไปยังผู้รับ โดยอาศัยสื่อหรือช่องทางต่างๆ ให้เกิดความ เข้าใจและเป็นแบบปฏิสัมพันธ์

เทคโนโลยีของการศึกษา
เทคโนโลยีของการศึกษา คือ วัสดุอุปกรณ์ สื่อการเรียนรู้ต่างๆ การสอนหรือเทคนิดการเรียนการสอน สถานที่ สภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆที่ต่างไปจากสภาพแวดล้อมเดิม


เทคโนโลยีทางการศึกษา และ เทคโนโลยีของการศึกษา ต่างกันที่ เทคโนโลยีทางการศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงหรือศึกษาหรือเข้าใจหรือเรียนรู้ด้วยตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้สอน ผู้แนะนำ ผู้คุม แต่เทคโนโลยีของการศึกษา คือใช้กับผู้เรียนที่เป็นนักเรียน นักศึกษาหรือผู้เรียนที่มีผู้สอน ผู้แนะนำ คอยดู กำกับ หรืออธิบาย

ทัพสัมภาระ กับวิธีคิดแบบวิเคราะห์

ทัพสัมภาระ  คือ เครื่องมือหรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ  ที่ได้มาจากความก้าวหน้าทางโทรทัศน์ศึกษา และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
        วิธีคิดแบบวิเคราะห์ระบบ คือ การคิด การกำหนดวิธีการนำเสนอการสอนในรูปแบบต่างๆ  ให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่จะสอ วิทยุศึกษา และให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย ๆ

        มีบทบาทต่อเทคโนโลยีการศึกษา คือ  เราสามารถนำแนวคิดวิเคราะห์ระบบ และ ทัพสัมภาระ มารวมกัน  เพื่อกำหนดจุดมุ่งหมายในการสอน เพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น  และบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้



การนำวิธีการหรือเทคนิคที่ใช้ใน
กระบวนการเรียนการสอน


เทคนิค คือ กลวิธีต่างๆ ที่ใช้เสริมกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการ หรือการกระทำใดๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการ ขั้นตอน วิธีการ หรือการกระทำนั้นๆ มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น เทคนิคการสอน จึงหมายถึง กลวิธีต่างๆ ที่ใช้เสริมกระบวนการสอน ขั้นตอนการสอน วิธีการสอน หรือการดำเนินการทางการสอนใดๆ เพื่อช่วยให้การสอนมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ในการบรรยาย ผู้สอนอาจใช้เทคนิคต่างๆ ที่สามารถช่วยให้การบรรยายมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การยกตัวอย่าง การใช้สื่อ การใช้คำถาม เป็นต้น
ตัวอย่าง
วิธีการสอนแบบบรรยาย
การบรรยาย คือ กระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาวัตถุประสงค์
ที่ กำหนด โดยการเตรียมเนื้อหาสาระ แล้วบรรยาย คือ พูด บอก เล่า อธิบายเนื้อหาสาระหรือสิ่งที่ต้องการสอนแก่ผู้เรียน ให้ผู้เรียนซักถามแล้วประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการอย่างใด อย่างหนึ่ง (ทิศนา แขมมณี, 2544, หน้า 13) การบรรยายเป็นวิธีถ่ายทอดความรู้ที่ใช้กันมานานในการเรียนการสอนในระดับอุดม ศึกษาเนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก สามารถสอนหรือบรรยายให้ผู้ฟังได้ทีละมากๆ โดยทั่วไปจะใช้ในกรณีที่ต้องการนำเสนอความรู้ครั้งละมากๆ โดยใช้เวลาไม่มากนักจึงจัดเป็นวิธีสอนที่ประหยัดเวลาในการเรียนการสอนได้ เป็นอย่างดี วิธีนี้จะเหมาะสมมากหากผู้บรรยายมีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ มีความรู้ในเนื้อหานั้นเป็นพิเศษ และต้องการให้ผู้ฟังได้คำอธิบายขยายความ หรือแนวคิดที่แปลกใหม่เป็นข้อมูลที่หาอ่านจากเอกสารทั่วไปไม่ได้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อผู้เรียนที่มีจำนวนมากได้เรียนเนื้อหาสาระความรู้ที่มีจำนวนมากในเวลาที่จำกัด
2. เพื่อให้ความรู้ประสบการณ์ใหม่แก่ผู้เรียนซึ่งค้นหายากหรือเป็นประสบการณ์เฉพาะของผู้สอนเอง
3. เพื่อช่วยนำทางในการศึกษาด้วยตนเอง
4. เพื่อช่วยสรุปประเด็นสำคัญ
องค์ประกอบของการสอน
1.       มีเนื้อหาสาระ หรือ ข้อความรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
2.       มีการบรรยาย (พูด บอก เล่า อธิบาย)
3.       มีผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดจาการบรรยาย
 ความมุ่งหมายของวิธีสอนแบบบรรยาย
1. เป็นการสอนที่เน้นเนื้อหาสาระที่นำเสนอโดยครูผู้สอน ผู้บรรยายจะเสนอปัญหาวิธีการ
ต่างๆในการแก้ปัญหา และสรุปด้วยว่าวิธีการใดเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตามหลักการ
2. เพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้หลายๆแนวคิดก่อนที่จะสรุปเป็นข้อคิดหรือทางเลือกที่เหมาะสม
ขั้นตอนการสอน
1.        ขั้นเตรียมการสอน ประกอบด้วย
1.1     วินิจฉัยผู้เรียน โดยพิจารณาถึงพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์เดิม ความสามารถของผู้เรียน อาจใช้วิธีพูดคุย ซักถาม หรือแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการเตรียมเนื้อหาและวิธีการสอน
1.2     เตรียมเนื้อหา โดยพิจารณาถึงความละเอียด ลึกซึ้ง มากน้อย และตามลำดับของเนื้อหา ให้เหมาะสมกับเวลาและลักษณะของผู้เรียน
1.3     เตรียมคำถาม เพื่อใช้ถามผู้เรียนระหว่างการบรรยาย จะช่วยให้ผู้เรียนตื่นตัวและสนใจได้ดีขึ้น
1.4     เตรียมสื่อการเรียนการสอน โดยเตรียมสื่อให้พร้อมอยู่ในสภาพใช้การได้ดี อาจเป็น สไลด์ แผ่นใส ภาพ ฯลฯจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น
1.5     ขั้นเตรียมการวัดและประเมินผล อาจจัดทำเป็นการทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดดูว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ หรือมากน้อยเพียงไร
2.        ขั้นสอน ประกอบด้วย
2.1 ขั้นนำ อาจใช้วิธี
1)       ซักถามพูดคุยกับผู้เรียน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเรียน
2)       ทบทวนการบรรยายในครั้งก่อนเพื่อเชื่อมโยงกับเรื่องใหม่
1.2     ขั้นอธิบาย เป็นขั้นสำคัญที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน ผู้สอนควรได้ดำเนินการ ดังนี้
1)       บอกโครงเรื่อง เครือข่ายของเนื้อหา และแจ้งจุดประสงค์ของบทเรียน
2)       อธิบายให้ชัดเจนตามลำดับเนื้อหาอย่างต่อเนื่องกัน
3)       สังเกตปฏิกิริยาตลอดเวลาเพื่อการย้ำหรือหยุดทบทวนใหม่
4)       ถามคำถามในบางตอนเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
5)       ยกตัวอย่างประกอบ เพื่อเพิ่มความแจ่มแจ้งในบทเรียน
6)       ใช้น้ำเสียง บุคลิกภาพ ท่าทีการพูดอธิบาย การใช้ภาษา อารมณ์ขันที่เหมาะสม
1.3     ขั้นสรุป เป็นการปิดท้ายชั่วโมงการบรรยาย อาจใช้วิธี
1)       สรุปโยงเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ
2)       ตั้งปัญหาให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์ วิจารณ์
3)       ฝากปัญหาให้ผู้เรียนไปคิดต่อ
4)       เปิดโอกาสให้ผู้เรียนไดซักถามปัญหา
5)       มอบหมายงายให้ผู้เรียนไปค้นคว้าต่อเพิ่มเติม
6)       บอกล่วงหน้าถึงเนื้อหาที่จะเรียนในครั้งต่อไป
3. ขั้นติดตามผล 
3.1วัดและประเมินผลผู้เรียน โดยอาจใช้วิธี
1)       ตรวจสมุดบันทึกที่ผู้เรียนจดบรรยาย
2)       ถามคำถามในเนื้อหาที่บรรยาย
3)       ให้ทำข้อสอบหรือแบบฝึกหัดเพิ่มเติม
3.2วัดผล ประเมินผลผู้สอน โดยอาจใช้วิธี
1)       จัดทำแบบสอบถามให้ผู้เรียนได้ทราบความคิดเห็น เกี่ยวกับวิธีการสอน การอธิบาย การใช้น้ำเสียง บุคลิกท่าทาง
2)       ให้เพื่อนครูได้เข้าสังเกตการณ์สอน แล้วให้ข้อเสนอแนะเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการสอน
3)       บันทึกการบันยายของตนแล้วนำไปพิจารณา ประเมิน
ข้อดีของการสอนแบบบรรยาย
1. ประหยัดเวลา เพราะสามารถใช้กับผู้เรียนได้จำนวนมาก
2. ผู้สอนสามารถนำความรู้ที่เป็นจุดเด่นจากตำราหลายๆ เล่มมาประมวล บูรณาการไว้ด้วยกันในการบรรยาย
3. สำหรับเนื้อหายุ่งยากและซับซ้อน ผู้เรียนได้ฟังบรรยายแล้วจะเข้าใจง่ายกว่าไปศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ซึ่งต้องใช้เวลานานมากกว่า และอาจไม่เข้าใจ
4. ผู้เรียนได้ฟังความคิดเห็นหรือข้อชี้แนะจากผู้สอนที่มีความรู้และประสบการณ์มากกว่าทำให้เกิดแรงจูงใจที่จะเรียนดีขึ้น
5. ดำเนินการสอนได้รวดเร็ว
6. ผู้เรียนไม่ต้องทำงานมาก รับรู้เรื่องราวได้โดยตรง
7. เหมาะสมกับเนื้อหาที่มีความยุ่งยาก ซับซ้อน
8. ฟังการบรรยายก็เข้าใจง่ายกว่าค้นหาเอง

ข้อเสียของการสอนแบบบรรยาย1. ถ้าใช้บ่อยๆ โดยไม่พิจารณาความเหมาะสม อาจทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่าย เพราะผู้เรียนมีส่วนร่วมใน    กิจกรรมการเรียนการสอนด้วย
2. ไม่เอื้อต่อการคิดวิเคราะห์ และสังเคราะห์ซึ่งเป็นความสามารถทางปัญญาชั้นสูง
3. ไม่ค่อยเกิดการพัฒนาด้านเจตคติและทักษะพิสัย
4. เป็นการสอนที่เน้นครูหรือผู้สอนเป็นศูนย์กลาง
5. ความรู้ที่ได้รับจากการฟังเพียงอย่างเดียวอาจลืมง่าย เป็นความทรงจำที่ไม่ถาวร
6. ผู้สอนต้องรู้จักการสร้างบรรยากาศด้วยวาทศิลป์ เพื่อมิให้ผู้ฟังสูญเสียความสนใจ
7. ครูควรแสดงท่าทางประกอบการเคลื่อนไหวบ้างพอสมควรอย่าให้มากเกินไป
8. ครูควรบรรยายจากข้อมูลไปหาข้อสรุปหรือกฎเกณฑ์จะช่วยให้เด็กได้พัฒนาทางด้านความคิดเป็นอย่างมาก
9. ควรมีการซักถามเด็กบ้างระหว่างที่บรรยายเช่น ให้ช่วยออกความคิดเห็นต่างๆ เป็นต้น
10. เสียงดังชัดเจนมีการเน้นสูงต่ำเป็นจังหวะ
11. ใช้ภาษาและคำพูดง่ายๆ ให้เด็กฟังแล้วเข้าใจ
12. ครูควรใช้รูปภาพหรือวัสดุอื่นประกอบคำอธิบาย
13. เป็นวิธีการสอนผู้เรียนมีบทบาทน้อยจึงทำให้ผู้เรียนขาดความสนใจในการบรรยาย
14. เป็นวิธีการสอนที่ไม่สามารถสนองตอบความต้องการและความแตกต่างระหว่างบุคคล




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วิธีการสอนแบบบรรยาย

เอกสารอ้างอิง

บ้านจอมยุทธ , ม.ป.ป. , เทคนิคการสอน , สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2559 จาก       http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-4/introduction_to_teaching/11.html

Share This , 2554. , วิธีการสอนแบบบรรยาย , สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2559 จาก     https://yupawanthowmuang.wordpress.com/about/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/

การนำวัสดุ และเครื่องมือหรืออุปกรณ์มาใช้ในการสอนและการจัดการศึกษา
สื่อการเรียนการสอนนั้น หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสื่อการเรียนก็นับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เรียนผู้สอนได้แสดงบทบาท และเกิดความเข้าใจ ในวิชาที่เรียนที่สอนกันได้มากขึ้น

สื่อการสอนประเภทไม่ใช้เครื่องฉาย วัสดุ  อุปกรณ์  เทคนิควิธีการ
    -   สิ่งพิมพ์ต่างๆเช่นหนังสือ ตำราเรียน  คู่มือ วารสาร  ฯลฯ
    -     ของจริง  ของตัวอย่าง
       -    ของจำลอง  หุ่นจำลอง  ขนาดเท่า  ย่อส่วน  หรือ  ขยายของจริง
-        วัสดุกราฟิก  เช่น แผนภูมิ  แผนภาพ   กราฟ  การ์ตูน ภาพถ่าย  ภาพวาด ฯลฯ
-        กระดานชอล์ก กระดานขาว
-        กระดานผ้าสำลีและกระดานแม่เหล็ก
-        การจัดทัศนศึกษานอกสถานที่
-        เกม
-        การจำลอง(simulation)  เช่น  บทบาทสมมุติเครื่องจำลอง
-        การจัดนิทรรศการ
-        การสาธิต
-        การสอนแบบโปรแกรม

สื่อการเรียนการสอนประเภทใช้เครื่องฉาย
วัสดุและอุปกรณ์ประเภทเสนอภาพนิ่ง
-        แผ่นโปร่งใสและเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
-        สไลด์และเครื่องฉายสไลด์
-        วัสดุทึบแสงและเครื่องฉายภาพทึบแสง
-        เครื่องวีดีโอโปรเจกเตอร์ (video  projector) หรือเครื่องแอลซีดี (crystal  display)
วัสดุและอุปกรณ์ประเภทเสนอภาพเคลื่อนไหว








-        โทรทัศน์วงจรปิด
-        โทรทัศน์วงจรเปิด
-        วิดีทัศน์
-        แผ่นดีวีดี (DVD: digital versatile disc)
-        แผ่นวีซีดี  (vcd:video-compact disc)

สื่อการสอนประเภทเครื่องเสียง




-       วิทยุ
-       เทปบันทึกเสียง
-       แผ่นซีดี  (CD:compact disc)
สื่อประสมเชิงโต้ตอบ  (Interactive  Multimedia)


-
     คอมพิวเตอร์
-       บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (ซีเอไอ) (computer-assisted  instruction : CAI)
-       แผ่นซีดี  ซีดีอาร์  และ  ซีดีอาร์ดับเบิลยู   (CR-Rom,CD-R,CD-RW)

เอกสารอ้างอิง

ประภัสรา โคตะขุน , 2554 ,สื่อการสอน / นวัตกรรม , สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2559 จาก https://sites.google.com/site/prapasara/p2-5




ความหมายของสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีทางการศึกษา และนวัตกรรมการศึกษา

ความหมายของสารสนเทศ
      วีระ สุภากิจ (2539 : 4) ได้ให้ความหมายไว้ว่า สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่ได้ถูกกระทำให้มีความสัมพันธ์หรือมีความหมายนำไปใช้ประโยชน์ได้
      วาสนา สุขกระสานติ (2540 : 1) ได้ให้ความหมายไว้ว่า สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข่าวสารที่ได้จากการนำข้อมูลดิบ (raw data) มาคำนวณทางสถิติหรือประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งข่าวสารที่ได้ออกมานั้นจะอยู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที
       สุรวัฒน์ เหล็กกล้า (2540 : 10) ได้ให้ความหมายไว้ว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้จัดกระทำแล้ว โดยผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการต่าง ๆ จนมีความหมายสมบูรณ์และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ประกอบการตัดสินใจตามวัตถุประสงค์ได้
          สุชาดา กีระนันทน์ (2541 : 5) สารสนเทศ (Information) คือ ข้อความรู้ที่ประมวลได้จากข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น จนได้ข้อสรุปเป็นข้อความรู้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยเน้นที่การเกิดประโยชน์คือความรู้ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้
      ชม ภูมิภาค (2542 : 11) ได้ให้ความหมายไว้ว่า สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูล ทั้งด้านปริมาณ และด้านคุณภาพ ที่ประมวลจัดหมวดหมู่ เปรียบเทียบและวิเคราะห์แล้วสามารถ นำมาใช้ได้
      สารสนเทศ คือข้อมูลที่ได้นำมาประมวลผลโดยวิธีการต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สารสนเทศ ความหมาย

ที่มา : http://flukeloveskb.blogspot.com/2012/06/1.html

ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ครรชิต มาลัยวงศ์  กล่าวว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีการพิมพ์ กล้องถ่ายรูป เครื่องพิมพ์ดีด โทรเลข โทรศัพท์ แต่ในปัจจุบัน นักวิชาการหลายท่าน ได้ให้คำจำกัดความเพียงการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม และบางท่านได้เปลี่ยนชื่อเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ คือเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology /ICT) ขณะเดียวกันทาง ยูเนสโก กลับเรียกเทคโนโลยีเหล่านี้ว่า "Informatics"
วศิณ  ธูประยูร  เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการประมวลผลสารสนเทศ ได้แก่ ไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องประมวลผลคำ และเครื่องที่สามารถประมวลผลได้โดยอัตโนมัติอื่นๆ เครื่องสมองกลเหล่านี้ เป็นนวัตกรรมของมนุษย์ชาติที่สร้างขึ้นมา เพื่อรวบรวม ผลิต สื่อสาร บันทึก เรียบเรียงใหม่ และแสดงผลประโยชน์จากสารสนเทศ
ลูคัส จูเนียร์  เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภทที่นำมาประยุกต์ใช้เพื่อการประมวลผลการจัดเก็บ และการถ่ายทอดสารสนเทศ ในรูปของอิเล็กทรอส์นิกส์
ซอร์โคซีย์ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การกระทำโดยอัตโนมัติเพื่อรวบรวมจัดเก็บประมวลผลจัดจำหน่ายและใช้สารสารเทศ โดยไม่จำกัดขอบเขตไว้ที่ฮาร์แวร์หรือซอฟต์แวร์ แต่เน้นความสำคัญไปที่มนุษย์ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ผู้สร้าง ผู้ควบคุม และผู้แสวงหาผลประโยชน์จากเทคโนโลยี
สเปนเซอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยี ที่เป็นการรวมกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับการสื่อสารด้วยความเร็ว เพื่อนำข้อมูลเสียงและภาพ มาประกอบกันเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
      เทคโนโลยีสารสนเทศ คือเทคโนโลยีต่างๆที่สามารถนำมาประมวลผล เก็บข้อมูลข่าวสารต่างๆได้ สารถติดต่อสื่อสารกับผู้ได้
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นวัตกรรมการศึกษา ความหมาย นักวิชาการ

ที่มา : http://55540205wacharapong.blogspot.com/2012/06/2.html

ความหมายของเทคโนโลยีทางการศึกษา
         เปรื่อง กุมุท ได้กล่าวถึงความหมายของเทคโนโลยีการศึกษาว่า เป็นการขยายขอบข่ายของการใช้สื่อการสอน ให้กว้างขวางขึ้นทั้งในด้านบุคคล วัสดุเครื่องมือ สถานที่ และกิจกรรมต่างๆในกระบวนการเรียนการสอน (boonpan edt01.htm
         วิจิตร ศรีสะอ้าน (2517 : 120-121)เป็นการประยุกต์เอาเทคนิค วิธีการ แนวความคิด อุปกรณ์และเครื่องมือใหม่ ๆ มาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษาทั้งในด้านการขยายงานและด้านการปรับปรุงคุณภาพของการเรียนการสอน
         คาร์เตอร์ วี กูด (Carter V.Good ,1973)เป็นการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ เพื่อการออกแบบ และส่งเสริมระบบการเรียนการสอนโดยเน้นที่วัตถุประสงค์ทางการศึกษาที่สามารถวัดได้
อย่างถูกต้องแน่นอน มีการยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียน รวมถึงเทคนิคการสอนโดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ สื่อการสอนต่าง ๆ ในลักษณะของสื่อประสมและ การศึกษาด้วยตนเอง
        กิดานันท์ (2543) เป็นการประยุกต์เอา เทคนิค วิธีการ แนวความคิด วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งต่าง ๆ อันสืบเนื่องมาจากเทคโนโลยีมาใช้ในวงการศึกษา
        ชัยยงค์ (2523) อธิบายถึง เทคโนโลยีทางการศึกษาไว้อย่างละเอียดว่า "เทคโนโลยีเป็นระบบการประยุกต์ผลิตกรรมทางวิทยาศาสตร์ (วัสดุและผลิตกรรมของวิศวกรรม (อุปกรณ์โดยยึดหลักทางพฤติกรรมศาสตร์ (วิธีการมาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพทางการศึกษาทั้งในด้านบริหารด้านวิชาการ และด้านบริการหรืออีกนัยหนึ่ง เทคโนโลยีทางการศึกษา เป็นระบบการนำวัสดุ อุปกรณ์และวิธีการมาใช้ในการปรับปรุงระบบการศึกษาเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น วัสดุ (Material) หมายถึงผลิตกรรมทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่มีการผุผังสิ้นเปลืองได้ง่าย เช่น ชอร์ค ดินสอ ฟิล์ม กระดาษ ส่วนอุปกรณ์ (Equipment) หมายถึงผลิตกรรมทางวิศวกรรมที่เป็นเครื่องมือค่าง ๆ เช่น โต๊ะกระดานดำ เก้าอี้ เครื่องฉาย เครื่องเสียง เครื่องรับโทรทัศน์ ฯลฯ เป็นความหมายที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนั้น จึงได้กระตุ้นให้ใช้วัตถุประกอบเพื่อช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น

      ทั้งนี้ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษา คือ การนำเอาวัสดุ อุปกรณ์ หรือสิ่งต่างๆรอบตัว มาประยุกต์ใช้กับการศึกษา

ความหมายของนวัตกรรมการศึกษา
สมบูรณ์ สงวนญาติ (2534) ให้ความหมายไว้ว่า นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง วิธีการปฏิบัติใหม่ๆ ในทางการศึกษา ซึ่งแปลกไปจากเดิมอาจได้มาจากการค้นพบวิธีใหม่ๆ หรือปรับปรุงของเก่าให้เหมาะสม โดยได้มีการทดลอง พัฒนา จนเป็นที่น่าเชื่อถือได้ว่า มีผลดีในทางปฏิบัติ และสามารถทำให้ระบบการศึกษาดำเนินไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิดานันท์ มลิทอง (2540) ให้ความหมายไว้ว่า นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง นวัตกรรมที่ช่วยให้การศึกษาและการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิผลสูงกว่าเดิม เกิดแรงจูงใจในการเรียนด้วยนวัตกรรมเหล่านั้น และประหยัดเวลาในการเรียนได้อีกด้วย ในปัจจุบันมีการใช้นวัตกรรมการศึกษามากมายหลายอย่างซึ่งมีทั้งนวัตกรรมที่ใช้กันแพร่หลายแล้วและประเภทที่กำลังเผยแพร่ เช่น การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย การใช้แผ่นวีดิทัศน์เชิงโต้ตอบ สื่อหลายมิติ และอินเทอร์เน็ต เหล่านี้เป็นต้น
วรวิทย์ นิเทศศิลป์ (2551) ให้ความหมายไว้ว่า นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง การนำเอาความคิดหรือวิธีปฏิบัติทางการศึกษาใหม่ๆมาใช้กับการศึกษา
สุคนธ์ สินธพานนท์ (2553) ให้ความหมายไว้ว่า นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง สิ่งใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนหรือพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่แนวคิด รูปแบบ วิธีการ กระบวนการ สื่อต่างๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา
      ทัศนา แขมมณี (2526 : 12) ให้ความหมายไว้ว่า นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง กระบวนการ แนวคิด หรือวิธีการใหม่ๆ ทางการศึกษาซึ่งอยู่ในระหว่างการ ทดลองที่จะจัดขึ้นมาอย่างมีระบบและกว้างขวางพอสมควร เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การยอมรับนำไปใช้ในระบบการศึกษาอย่างกว้างขวางต่อไป
นวักรรมการศึกษา คือ นำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเพื่อใช้ในการเรียนการสอนที่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น วัสดุ อุปกรณ์ สิ่งของที่ใช้ในการทดลอง หรือความคิดใหม่ๆ

เอกสารอ้างอิง

Cheep_Thanet , 2558 , ความหมาย ความสำคัญ องค์            ประกอบและประเภทของนวัตกรรมการศึกษา ,                สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2559, จาก                            https://thanetsupong.wordpress.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%9B/

Phimchanok Moodon , 2555 , ความหมาย                         นวัตกรรม,เทคโนโลยี,เทคโนโลยีสารสนเทศ , สืบค้น         เมื่อ 9 กันยายน 2559, จาก                                          http://53111316091.blogspot.com/2012/11/blog-             post_5235.html
NURISA , 2555 , ความหมายของเทคโนโลยีทางการศึกษา , สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2559, จาก https://www.gotoknow.org/posts/104095 
TOP , ม.ป.ป., สารสนเทศ , สืบค้นเมื่อ 9 กันยายน 2559, จาก        http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/0503706/04_.htm#top

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559


Thailand 4.0









Thailand 4.0 คืออะไร ศัพท์ใหม่ที่คนไทยควรรู้

         ก่อนจะเข้าสู่ Thailand 4.0 ขอเกริ่นด้วย Thailand 1.0        Thailand 2.0 และ Thailand 3.0 ก่อน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วน      เป็น “โมเดลการพัฒนาประเทศไทย” ถ้าใน Thailand 1.0 จะเน้น  ภาคเกษตร Thailand 2.0 เน้นภาคอุตสาหกรรมเบา และ Thailand 3.0  เน้นภาคอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก

        โมเดลพัฒนาประเทศไทยทั้ง 3 โมเดลที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศ “รายได้ปานกลางขั้นสูง” แต่ก็หยุดอยู่แค่นั้น ทำให้มีแนวคิด Thailand 4.0 ออกมา ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนประเทศให้ไปได้ไกลกว่านั้นเยอะ โดยโมเดลนี้เป็นแนวคิดที่จะนำโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ “Value-Based Economy” 
หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม”
เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ได้แก่
     1. เปลี่ยนจากการผลักดันสินค้าโภคภัณฑ์ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม
     2. เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรมไปสู่
การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์
     3. เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้น ภาคบริการมากขึ้น


         องค์ประกอบของโมเดลการพัฒนาประเทศไทย Thailand 4.0 
ได้แก่
     1. เปลี่ยนจากเกษตรแบบดั้งเดิม สู่เกษตรสมัยใหม่ เน้นบริหารจัดการและเทคโนโลยี เตรียมปั้นเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการ ทั้งยังเป็นเกษตรกรที่มีฐานะร่ำรวย
     2. เปลี่ยนจาก Traditional SMEs หรือ SMEs ที่มีภาครัฐคอยช่วยเหลือ เพื่อผลักดันสู่การเป็น Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูง
     3. เปลี่ยนจาก Traditional Services ที่มีมูลค่าต่ำสู่ High Value Services
     4. เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำ สู่แรงงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และทักษะสูง


          เป้าหมายที่ได้จากโมเดลนี้คือเปลี่ยนประเทศไทยที่จัดอยู่ในกลุ่มประเทศ “รายได้ปานกลางขั้นสูง” ให้กลายเป็นกลุ่ม “ประเทศที่มีรายได้สูง” ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพของเศรษฐกิจ จากกลไกต่างๆ เน้นไปทางการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้

5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่
       1.  กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ
       2.  กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์
       3.  กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเครื่องกลที่ใช้อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม
       4.  กลุ่มดิจิตอล เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อและบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์และทคโนโลยีสมองกลฝังตัว
       5.  กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง 









ข้อมูลโดย thairath.co.th